4 ก.ย. 2563 12:31 น.
ถ้าให้พูดถึงสกินแคร์ไอเทมที่ขาดไม่ได้ และไม่ควรขาดเลยด้วยก็คือ “ครีมกันแดด” นี่แหละ เพราะครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายทั้งจากแสงแดด และมลภาวะ ต่อให้เราทาครีมแพงๆ ตัวเทพแค่ไหน แต่ถ้าไม่ทาครีมกันแดด ครีมตัวไหนก็เอาไม่อยู่หรอก และเพื่อไม่ให้สาวๆ Lady Mirror ไม่งงเวลาเลือกซื้อครีมกันแดด แถมเดี๋ยวนี้ก็มีคำใหม่เยอะแยะเต็มไปหมดจนจากที่ไม่งงก็กลายเป็นงงไป หรือใครที่งงอยู่แล้วก็งงกว่าเดิมไปอีก มาดูเทคนิคจากเรากันค่า
1. เข้าใจกับค่า SPF ที่หน้ากล่อง
ก่อนอื่นเราอยากให้สาวๆ ทำความเข้ากับคำว่า SPF หรือ Sun Protection Factor ซึ่งเชื่อว่ามีสาวๆ หลายคนเข้าใจกันว่าค่า SPF ยิ่งสูงเท่าไรก็หมายความว่าจะปกป้องผิวจากรังสียูวีได้มากขึ้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจริงๆ เเล้วค่า SPF คือค่าที่บอกถึงระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีสั้นจะทำร้ายแค่ผิวชั้นนอก พวกอาการผิวแสบ ผิวเบิร์นก็มาจากรังสี UVB นี่แหละค่ะ แล้วตัวเลขนั้นหมายถึง ระดับความยาวนานของการป้องกันแสงแดดโดยไม่ทำให้ผิวร้อนแดง โดยค่าสูงสามารถปกป้องได้ยาวนานกว่าค่าต่ำ ทำให้ไม่ต้องทาครีมบ่อย แล้วก็ไม่มีส่วนช่วยในการป้องกันรังสี UVA ที่เป็นรังสียาวทะลุทะลวงเข้าไปทำร้ายผิวเราถึงผิวชั้นใน ขอบอกเลยว่าค่า SPF สูงๆ ก็ใช่ว่าจะดีกับผิวเรานะ เพราะจะต้องมากับเนื้อกันแดดที่เหนียวขึ้น และอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้มากขึ้นด้วย ยิ่งถ้าใครที่รู้ตัวว่าเป็นผิวแพ้ง่าย เป็นสิวอุดตันได้ง่ายแล้วล่ะควรเลือกให้เหมาะสมกับสถานการณ์จะดีกว่า
คุณหมอผิวหนังแนะนำว่า : ในความเป็นจริงแล้วแพทย์ผิวหนังแนะนำว่าให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่เกิน 50 ในวันที่ต้องออกไปเจอแดดจ้า หรืออยู่กลางแจ้ง แล้วในวันที่ไม่ได้ออกไปโดนแดดโดยตรง หรือนั่งทำงานในออฟฟิศ เดินห้าง ช็อปปิ้ง ก็ค่า SPF15 – SPF35 ก็เอาอยู่แล้วค่ะ
2. รู้จักค่า PA หรือ Protection Grade Of UVA คืออะไร
คือค่าการปกป้องผิวจากรังสี UVA ที่เป็นคลื่นรังสียาวทำร้ายผิวเราในชั้นลึก พวกปัญหาฝ้า กระ ริ้วรอย ผิวแก่ก่อนวัย ก็มาจากรังสี UVA นี่แหละ บอกเลยว่าน่ากลัวกว่ารังสี UVB เยอะค่ะ ซึ่งการที่เราจะดูว่าครีมกันแดดที่เราจะซื้อนั้นปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากแค่ไหนก็ต้องดูที่เครื่องหมายบวก (+) ที่ตามหลังค่ะ ซึ่งพวกครีมกันแดดที่วางขายกันอยู่เนี่ยก็จะมีค่า PA อยู่ที่ PA+ ถึง PA++++ แต่ถึงยังไงเราก็ไม่ได้บอกนะว่าที่มีบวกน้อยเนี่ยจะไม่ดี เพราะอย่างวันที่เราไม่ต้องออกไปเจอแดดโดยตรง หรืออยู่กลางแจ้งนานๆ การใช้ครีมกันแดดที่มีค่าปกป้องมากๆ ก็ดูจะไม่จำเป็นขนาดนั้น
3. นอกจากค่าสัญลักษณ์ PA แล้วยังมี IPD, PPD
เพราะครีมกันแดดบางตัวก็อาจจะใช้สัญลักษณ์พวกนี้แทน ซึ่งเจ้าสัญลักษณ์นั่นคือหมายความถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA เหมือนกันค่ะ หรือบางแบรนด์อาจจะเป็นสัญลักษณ์ UVA ในวงกลมก็ได้ค่ะ ยังไงก็ลองสังเกตกันดูนะคะ
4. อย่าซีเรียสกับ Water – Resistant/Waterproof มากจนเกินไป
เพราะมีหลายคนที่เข้าใจว่าครีมกันแดดที่ดีจะต้องกันน้ำ กันเหงื่อได้แบบทั้งวี่วัน ก่อนอื่นขออธิบายก่อนว่าไม่มีครีมกันแดดไหนที่ปกป้องตัวเองจากการละลายได้ 100% ในความเป็นจริงจะหมายความว่าครีมกันแดดนี้จะปกป้องผิวจากแสงแดดได้อยู่อีกระยะนึง หลังจากที่ผิวเราโดนน้ำแล้ว ก็ต้องมีเนื้อผลิตภัณฑ์หลุดออกไปบ้างอะไรบ้าง อย่าไปซีเรียสเสาะหาครีมกันแดดที่ติดทนแน่นหนึบอะไรเบอร์นั้น เพราะบอกเลยว่านอกจากจะหายากแล้ว ยังเสี่ยงต่อผิวอุดตันได้ง่าย ถ้าเราทำความสะอาดไม่กริบจริงๆ อีกด้วย
5. พยายามเลือกครีมกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen
เพราะเป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี ทำหน้าที่เหมือนเป็นกระจกเงาสะท้อนหรือหักเหรังสี UV ออกไปจากผิว แทนการดูดซับแสงแดดเข้าไปใต้ผิวหนัง ซึ่งสารในกันแดดแบบนี้จะระคายเคืองกับผิวหนังน้อยกว่าแบบ Chemical ซึ่งสาวๆ สามารถสังเกตได้จากที่หน้ากล่องจะเขียนว่าเป็น Physical Sunscreen หรือส่องที่ส่วนผสมว่ามี Titanium Dixide หรือ Zinc Oxide ก็ได้ค่ะ
6. ปริมาณการทาครีมกันแดดคือสำคัญสุด !!!
มีหลายคนที่พยายามเลือกครีมกันแดดที่ค่า SPF สูง ค่า PA แบบจัดเต็มเลย แต่มาตกม้าตายที่ปริมาณการทาครีมกันแดด หลายคนจะทาในปริมาณที่ไม่เยอะ เพราะกลัวว่าจะทำให้ผิวมันบ้าง ผิวเยิ้มบ้าง หรือกลัวอุดตันบ้าง อยากจะบอกว่าเป็นความคิดที่ผิด ในความเป็นจริงถ้าเราทาครีมกันแดดในปริมาณที่ไม่เพียงพอก็เท่ากับครีมกันแดดนั้นแทบจะไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถปกป้องผิวได้ตามค่าที่แจ้งไว้เลย ซึ่งปริมาณจริงๆ ที่แพทย์ผิวหนัง หรือผู้เชี่ยวชาญแนะนำกันคือ เราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณ 1/2 ช้อนชา ทาให้ทั่วใบหน้า หรือลำคอเพื่อที่จะได้ค่า SPF ตามที่ระบุเอาไว้บนฉลาก แต่ถ้าเป็นผิวตัวจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ
แชร์เทคนิคให้แบบหมดเปลือกกันแล้ว ซื้อครีมกันแดดครั้งหน้าก็อย่าลืมเอาเทคนิคเราไปใช้กันนะคะ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/women/beauty/solution/1923511
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/women/beauty/solution/1923511