เสน่ห์แห่งความงามจาก 2 กูรูต้นแบบ “สปา” ไทย

16 ก.ค. 2563 17:44 น.

“สปา” หรือ “Spa” หนึ่งทางเลือกในการดูแล “สุขภาพ” ของผู้หญิง เพราะการมีสุขภาพที่ดีย่อมมีผลต่อความสวยความงาม คงจะไม่มีสาวๆ คนไหนปฏิเสธกับคำว่า “สปาคือสวรรค์” หรอก เพราะทุกครั้งที่เราเข้าไปใช้บริการสปา เราจะรู้สึกเหมือนได้ชาร์ตแบต ได้เพิ่มพลังให้กับร่างกาย ดังนั้นสถานที่บริการด้านสุขภาพอย่างสปา จึงเปรียบเสมือนสถานที่ผ่อนคลาย ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจชั้นเลิศ โดยรวมแล้วเราเรียกกระบวนการดังกล่าวว่า “การบำบัด” ซึ่งหลายคนที่ใช้บริการอาจไม่รู้มาก่อนเลยว่า “สปา” นั้น ให้อะไรมากกว่าการอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม การขัดผิว หรือแค่การนวดผ่อนคลาย แต่สถานที่แห่งนี้ยังช่วยบำบัดร่างกายและจิตใจของคุณผู้หญิงได้อีกด้วย อะไรซ่อนอยู่ในสปา? วันนี้ MIRROR เลยอยากจะพาทุกคนไปรู้จัก “สปา” ให้มากขึ้น และเราจะรู้เรื่องลึกเกี่ยวกับสปาจากใครไม่ได้เลย นอกจากคุณตง พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ และคุณโทนี่ ธเนศ จิระเสวกดิลก สองกูรูผู้คร่ำหวอดในวงการสปา และเป็นผู้ที่ริเริ่มเปิดสปาแห่งแรกๆ ของเมืองไทย จนทุกวันนี้ดีวานาสปาของเขาทั้งคู่ กลายเป็นต้นแบบสปาของเมืองไทยไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสปา โปรแกรมดูแลสุขภาพ ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับการทำสปา รวมไปถึงแนวคิดสุดล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ในการบริการด้านสปา เราไปฟังเรื่องราวลึกๆ เกี่ยวกับ “สปา” พร้อมๆ กัน เชื่อเลยว่าเมื่อทุกคนอ่านจบ บทความนี้จะทำให้ความคิดที่มีต่อสปาเปลี่ยนไป และอาจเกิดความคิดใหม่ๆ ในการใช้บริการสปาด้วย รวมไปถึงการจุดประกายความฝันที่สาวๆ อยากมีสปาเป็นของตัวเอง

รู้ลึก “สปา” ที่มากกว่าความงาม

ต้นกำเนิด “สปา”

เราเชื่อว่าหลายคนรู้จัก “สปา” ว่าคือสถานที่ที่ให้บริการด้านความงาม แต่รู้หรือไม่จริงๆ แล้วความหมายหมายของ “สปา” คืออะไรกันแน่ เราจะอธิบายให้เข้าใจกันอย่างถูกต้องว่า ที่มาที่ไปและต้นกำเนิดของสปานั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในอดีตที่ผ่านมาคำว่า “สปา” นั้นคือชื่อเรียกของการบำบัดด้วยน้ำ ซึ่งก็มีหลายความหมายรวมอยู่ด้วยกัน โดยชื่อของสปามาจากชื่อเมืองสปา ที่อยู่ในประเทศเบลเยียม โดยย้อนกลับไปในอดีต ในยุคกลางชาวโรมันได้มีการพบบ่อน้ำพุร้อนที่เมืองสปา ทั้งนี้ชาวโรมันจึงนำน้ำแร่จากบ่อน้ำ ไปใช้ในการล้างบาดแผล รักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และความเจ็บปวดที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็กด้วย 

ต่อมาในปี ค.ศ.1571 William Slingsby ได้มีการค้นพบ Chalybeate ซึ่งเป็นส่วนประกอบของธาตุเหล็กที่ยอร์กไซร์ ซึ่งเป็นเทศมณฑลในประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ William จึงได้สร้างบ่อน้ำขึ้น จนเกิดการสร้างรีสอร์ตในต่อมา ซึ่งในขณะนั้นทางอังกฤษเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “สปา” โดยสะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า “Spaw” 

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันได้มีการนิยามศัพท์ภาษาละตินขึ้นมา เพื่อให้เป็นคำเต็มของคำว่า “สปา” เช่น “Salus Per Aquam” หรือ “Sanitas Per Aquam” ซึ่งหมายถึง การมีสุขภาพที่ดีด้วยน้ำ คำเหล่านี้เป็นคำที่สร้างขึ้นมาภายหลังจากการใช้งานของคำว่า “สปา” นั่นเอง เพราะในอดีตไม่เคยมีการใช้คำนี้แต่อย่างใด และนี่คือที่มาของคำว่า “สปา”

“สปา” ที่มากกว่าการบำบัดด้วยน้ำ

มาถึงในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เราจะเข้าใจว่า “สปา” เป็นคำเรียกสถานบริการด้านสุขภาพ โดยเน้นการฟื้นฟูร่างกายด้วยวิธีบำบัดหลากหลายวิธี เช่น การนวด การบำบัดด้วยน้ำ การบริการในสปาทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นการนวด ซึ่งก็มีรูปแบบและวิธีการนวดที่แตกต่างกันไปตามแต่ละที่ ไม่ว่าจะเป็นการนวดเพื่อสุขภาพ นวดรักษาโรค หรือการนวดเพื่อความงาม เช่น การนวดอโรมาเธอราพี การนวดแผนไทย การนวดเฉพาะส่วน เช่น การนวดฝ่าเท้า นวดฝ่ามือ การนวดน้ำมัน รวมถึงฟิชสปาด้วย อย่างไรก็ตามการทำ “สปา” นั้นก็ถือเป็นการดูแลสุขภาพโดยวิธีทางธรรมชาติที่อาศัย “น้ำ” เป็นองค์ประกอบแห่งการบำบัด ผสมผสานควบคู่กับศาสตร์สัมผัสทั้งห้า อย่าง รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส เพื่อให้เกิดความสมดุลขึ้นระหว่างร่างกายและจิตใจ

ทั้งนี้ องค์กรสปาระหว่างประเทศ (ISPA) ที่มีสปาเป็นสมาชิกเกือบ 2,000 แห่งจาก 53 ประเทศทั่วโลก ได้ระบุไว้ว่า “สปา” ในทุกวันนี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่บำบัดรักษาสุขภาพด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้คนไปคลายครียด เพิ่มพลังชีวิต ทั้งยังสอดแทรกแนวคิดเรื่องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง

ประสาทสัมผัสทั้งห้ากับ “สปา”

สปาจะขาดเรื่องนี้ไปไม่ได้เลย “ประสาทสัมผัสทั้งห้า” คือสิ่งที่มาพร้อมกับการบำบัดด้วย “สปา” ด้วยการผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์แห่งการบำบัดร่างกายและจิตใจ โดยมีสถานที่เป็นจุดเชื่อมโยงในการบำบัดและผ่อนคลาย ที่เน้นให้ได้รับพลังจากธรรมชาติด้วย โดยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ใช้สร้างความผ่อนคลาย ประกอบไปด้วย

1. “รูป” การสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายด้วยการจัดสถานที่ที่ทำสปา โดยให้สถานที่นั้นมีความสดชื่นผ่อนคลาย ด้วยพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้ และสีสันสวยงามของดอกไม้ 

2. “รส” คือการบำบัดร่างกายด้วยอาหาร ที่ไม่ใช่เพียงแค่อาหารออร์แกนิก ปลอดจากสารเคมีเพียงอย่างเดียว แต่คือการรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนด้วย และหมายรวมถึงเครื่องดื่มด้วยจ้า

3. “กลิ่น” การใช้กลิ่นหอมบำบัดตามหลักการของอโรมาเธอราพี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสปาเลยก็ว่าได้

4. “เสียง” การใช้ดนตรีในการร่วมบำบัด อย่างเสียงแบบธรรมชาติ เช่น เสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล น้ำหยด หรือเสียงคลื่น

5. “สัมผัส” การผ่อนคลายด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้รับการบำบัดอย่างล้ำลึก ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นหลังจากที่ทำสปา

ประเภทของ “สปา”

“สปา” ถูกแบ่งออกตามประเภทเป็น 7 กลุ่มใหญ่ๆ โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาจาก “สถานที่” คือ

1. “คลับสปา” (Club Spa) สปาที่มุ่งเน้นการออกกำลังกาย ส่วนใหญ่เป็นสปาขนาดเล็กที่มักจัดไว้เป็นส่วนหนึ่งของฟิตเนส และมีบริการด้านการนวดแบบสปอร์ต ด้วยน้ำมันผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การอบไอน้ำ การอบซาวน่า การแช่น้ำร้อน น้ำเย็น รวมถึงโยคะ หรือการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ 

2. “เดย์สปา” (Day Spa) สปาที่ไม่มีห้องพักค้างคืน แต่เน้นบริการด้านสุขภาพความงามเป็นหลัก ที่ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-5 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความสวยงามและผ่อนคลาย เดย์สปาเป็นประเภทของสปาที่เปิดบริการมากที่สุดในเวลานี้ มักจะเน้นเรื่องความงามและการบำบัดเพื่อให้คลายเครียดภายในระยะเวลาสั้นๆ

3. “โรงแรมและรีสอร์ตสปา” (Hotel & Resort Spa) สปาที่เปิดบริการในโรงแรมและรีสอร์ต เน้นเป็นสถานที่พักผ่อนและการนวดตัว ควบคู่ไปกับปรนนิบัติร่างกายผิวพรรณ และบำบัดความเครียด

4. “เดสติเนชั่นสปา” (Destination Spa) สปาที่เน้นการพำนักระยะยาวเพื่อทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างสุขภาพหรือฟื้นฟูสุขภาพของผู้ใช้บริการให้ดีขึ้น เป็นสถานที่บริการสปาแบบองค์รวมที่มีบริการครบวงจร ตั้งแต่การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย ปรับสมดุล ทำสมาธิ รวมถึงอาหารการกิน และเครื่องดื่มที่เป็นอาหารสุขภาพ

5. “เมดิคอน สปา” (Medical Spa) สปาที่เน้นการบำบัดสุขภาพ ผสมผสานกับบริการทางการแพทย์ โดยการนำธรรมชาติบำบัดมาผสมผสานกับวิทยาการทางการแพทย์ ซึ่งอาจเป็นแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์ทางเลือก การเปิดบริการสปาประเภทนี้ จะต้องมีใบประกอบโรคศิลปะดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์

6. “สปาบนเรือสำราญ” (Cruise Ship Spa) สปาที่ให้บริการอยู่บนเรือสำราญ โดยเน้นให้ผู้ใช้บริการมีความสุขสบายและรู้สึกผ่อนคลายในระหว่างการเดินทาง แนวโน้มสปาบนเรือสำราญจะได้รับความนิยมมากขึ้น

7. “น้ำพุร้อนสปา” (Mineral Spring Spa) สปาที่บริการด้วยน้ำพุร้อน หรือมีบ่อน้ำแร่ตามธรรมชาติ โดยเน้นบำบัดด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำพุหรือน้ำแร่นั่นเอง

“สปา” เมืองไทย

เมื่อทราบเรื่อง “สปา” ทั่วๆ ไปแล้ว เรามารู้จักสปาเมืองไทยกันบ้าง “ดีวานา” ถือเป็นสปาแห่งแรกๆ ของเมืองไทย ให้บริการมายาวนาน จนทุกวันนี้กลายเป็นต้นแบบสปาของเมืองไทยไปแล้ว และยังเป็นแม่แบบของสปาโรงแรมดังๆ อีกจำนวนมาก ด้วยวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญ ตลอดจนความชื่นชอบส่วนตัว ทำให้ทุกอย่างลงตัวอย่างทุกวันนี้ ชื่อเสียงของสปาโด่งดังจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะใครที่มาถึงเมืองไทยจะต้องขอมาเยือนดีวานาสักครั้งในชีวิต เพื่อแลกกับประสบการณ์สุดล้ำค่า และด้วยแนวคิดอันล้ำลึก ที่ถ่ายทอดผ่านบริการที่จับต้องได้ ทำให้เพราะที่นี่เป็นมากกว่า “สปา”

ย้อนกลับไปเกือบ 20 ปี

แรกเริ่มเดิมทีพวกเราทำงานกับสายบินต่างประเทศแห่งหนึ่ง ที่ถูกให้ออกจากงานหลังเกิดเหตุวินาศกรรม 911 เมื่อปี 2544 ตอนนั้นอยู่ดีๆ พวกเราก็ตกงาน เราก็เลยมาคิดกันว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อดี สุดท้ายก็รวมเงินกันได้ประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อใช้ทำธุรกิจสักอย่าง ที่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร มีความคิดตั้งแต่ขายน้ำเต้าหู้แบบอร่อยๆ เหมือนที่ฮ่องกง ทำร้านอาหาร หรือทำร้านนวดดี ซึ่งความคิดก็แตกต่างกันไป แต่บทสรุปสุดท้ายเราได้ตกลงกันว่าจะทำ “สปา” เพราะเรามีโอกาสได้เห็นช่องว่างของธุรกิจสปา ซึ่งตอนนั้นสปาเมืองไทยน้อยมาก มีเพียง 2-3 แห่ง เราก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล ไปดูที่บาหลี เมืองบาธ ออสเตรีย เยอรมัน เราผสมผสานทุกที่ตามความชื่นชอบของเรา สุดท้ายก็ออกมาเป็นคอนเซปต์ของดีวานา ที่กลายเป็นต้นแบบของสปาเมืองไทยอย่างหลากหลายในปัจจุบัน อย่างเช่นการเทสต์น้ำมัน เราจะให้เทสต์ที่บริเวณท้องแขน ซึ่งเป็นจุดชีพจร แล้วก็ให้ผู้ใช้บริการได้ดม นี่ถือเป็นสัมผัสแรกในสัมผัสทั้งห้าที่ผู้ใช้บริการได้ จากนั้นก็มีผ้าเย็น เครื่องดื่ม อาหารต่างๆ โดยเราจะออกแบบกระบวนการเหล่านี้ภายใต้สัมผัสทั้งห้า เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความสบายและการผ่อนคลายอย่างแท้จริง 

คนไทยไม่รู้จักคำว่า “สปา”

ที่แรกคือที่สุขุมวิท 25 ลูกค้าคนแรกเข้ามาใช้บริการ หลังจากที่เราไปออกงาน จำได้ว่าเป็นคู่รักคนไทยกับฝรั่ง ที่ขายนวดได้ราคา 450 บาท ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่มีวันไหนเลยที่เราไม่มีลูกค้า เรื่องเล่าการทำธุรกิจก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มีสะดุดบ้าง เงินไม่เพียงพอบ้าง เพราะเราลงทุนผิดพลาดก็มี เช่น เอาเงินไปซื้อของหมด คือเห็นตุ๊กตาหรืออะไรน่ารัก ก็หวังจะเอามาขาย ซึ่งมันก็ไม่เป็นแบบนั้นเลย แถมทุกอย่างภายในร้านก็ต้องมีความพิเศษตลอด เช่น ม่านก็ต้องเป็นผ้าไหมอินเดีย อะไรแบบนี้ ตอนนั้นไม่มีเงินก็รู้สึกเครียดกัน แต่ถือเป็นความโชคดี ที่มีคำพูดคุณแม่ของเรา 2 คน คอยสนับสนุนและสอนอยู่เสมอว่า ห้ามบ่นว่าเครียด ห้ามบ่นว่าเหนื่อย และอะไรที่ทำให้รู้สึกแย่ ห้ามพูดออกมา จงคิดว่าทุกอย่างจะต้องดี เดี๋ยวมันก็ดี แค่นี้เองที่ทำให้ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์แย่ๆ เราก็ผ่านมันมาได้ 

แพสชั่นของ “สปา”

อีกครั้งที่เราโชคดี คือกัปตันที่เราเคยทำงานด้วย เขาเห็นว่าเราทำแบบนี้ ก็มาคุยมาใช้บริการ สุดท้ายเขาก็ไปบอกต่อ ทีนี้กัปตันลูกเรือก็แห่กันมา จนนักข่าวต่างประเทศมากันเต็มเลย ชื่อเสียงเราก็เลยดังในต่างประเทศ ซึ่งตรงนี้ก็เกิดจากการได้ใช้บริการของทุกคน แต่ก็ต้องบอกว่าอุปสรรคก็มี เพราะตลาดไทยไม่มีใครรู้จัก “สปา” คนไทยไม่รู้จักสปา เพื่อนกันชวนมาเข้าร้าน ยังไม่มาเลย เพราะร้านอะไรก็ไม่รู้ตั้งอยู่หน้าปากซอย เราก็ต้องอธิบายมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เรารู้แต่ว่าเราเก่งด้านบริการ แต่เราไม่รู้ว่าต้องอธิบายอย่างไรให้คนไทยเข้าใจ สุดท้ายแพสชั่นที่เยอะๆ ของเรา ทำให้สปาเป็นที่รู้จักของคนไทยจนได้ เริ่มมีท่านทูตมาใช้ มีคนดังระดับประเทศมาใช้ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ จนวันนี้มีบางคนมาอยู่ที่นี่ถึงวันละ 7 ชั่วโมง ทั้งทำเล็บ นวด สครับ ฝังเข็ม ทำคิ้ว ทำขนตา ทุกอย่างคือการบำบัดในรูปแบบสปา แต่ความตั้งใจจริงๆ มากกว่าการทำสปา คือเราอยากทำธุรกิจที่เกิดการจ้างงาน สร้างงานให้กับคนไทย รวมถึงมีแพสชั่นที่ว่า เราอยากออกแบบชีวิตและไลฟ์สไตล์การทำงานของตัวเอง เช่นทุกวันนี้เราก็พาคุณแม่มาฝังเข็ม มาทรีตเมนต์หน้าด้วย 

“สปา” ที่ “ป้องกัน” มากกว่า “รักษา”

จริงๆ อยากให้ทุกคนผ่อนคลาย ทั้งจิตใจและร่างกาย การรู้พฤติกรรมของผู้ใช้บริการ เป็นสิ่งที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง เขาค้นหาอะไร เรามองเกินกว่าที่เขาค้นหาและต้องการเสมอ เช่นคนนี้ต้องปิดแอร์เวลาสครับ น้ำที่แช่ของคนสวิสต้องไม่เกิน 38 องศา คนญี่ปุ่นต้อง 40 องศา คนฮ่องกงต้องพื้นแห้ง นี่คือสิ่งที่เราทำมาตลอด สุดท้ายจนตอนนี้กลายเป็นนวัตกรรมไปแล้ว และเราก็ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้านกระบวนการมาด้วย เพราะทุกอย่างที่เราทำ เราทำบนพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ คอนเซปต์ของเราคือ ทุกอย่างที่เราทำ จะเป็นการป้องกันมากกว่ารักษา การที่เรามุ่งไปที่การป้องกัน โดยใช้ศาสตร์ต่างๆ อย่างศาสตร์ธรรมชาติบำบัด การปรับไลฟ์สไตล์เพื่อบำบัดออฟฟิศซินโดรม ศาสตร์การเผายา ทั้งหมดคือไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นความจริง ทุกวันนี้เราก็เทรนให้กับโรงแรม 5 ดาว 6 ดาวหลายแห่ง

ถ่ายทอดความรู้สู่ Wellness

จากประสบการณ์หล่อหลอมเรา จนเกิดโรงเรียนสอนสปา ด้วยตั้งใจลึกๆ ที่บอกตั้งแต่แรกว่า เราอยากสร้างงาน อยากให้คนไทยมีงานทำ โดยเฉพาะงานบริการด้านนี้ เราจึงเล็งเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ เราจึงไปจับมือกับภาคอาชีวะ เบื้องต้นเราเปิดให้ทุนเด็กที่ไม่มีทุนการศึกษา คือต้องเรียนเป็นระยะเวลา 1 ปี ถึงจะได้ใบประกาศกับกระทรวงสาธารณสุข ตอนนี้เราก็เชื่อมโยงกับระดับ ปวส. เพื่อสร้างเด็กทางด้าน Wellness ขึ้นมา ซึ่งทางภาคการศึกษาก็ตอบรับเป็นอย่างดี เพราะเขาหาครูที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องนี้ไม่ได้ เราก็เลยสนับสนุนด้านครูผู้สอน เพราะเรามีครูการแพทย์แผนไทยอยู่ เราจึงร่วมกันออกแบบหลักสูตร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เด็กได้เรียนรู้และอนาคตจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ สำคัญกว่านั้นคือ เขาจะได้เงินตอนมาเรียนวิชาปฏิบัติด้วย ตรงนี้เป็นอะไรที่เรายินดีมาก เพราะนอกเหนือจากเงิน คือ การเรียนรู้ที่เกิดจากประสบการณ์โดยตรง ที่เด็กๆ เหล่านั้นจะได้กลับไป แถมยังมีหลักสูตรการจัดการสปาด้วย อนาคตเด็กๆ เหล่านั้นจะเป็นเจ้าของสปาได้อย่างแน่นอน 

“สปา” ที่มากกว่าความสวยความงาม

จนถึงทุกวันนี้เราเป็นยิ่งกว่าสปา เพราะทุกอย่างที่เราทำ ทุกอย่างที่รวมกันเรียกว่า “สปา” มันเกินกว่าและมากกว่าความสวยความงาม ในการเข้าสปาแต่ละครั้ง ก็มีความประทับใจและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป เพราะเราไม่ได้มองว่า ทุกอย่างจะจบแค่ความงามจากการขัดตัว หรือหายปวดคอจากการนวด แต่การส่งกระเป๋าหรือสัมภาระของผู้ใช้บริการไปยังสนามบินฟรี การดูแลทุกคนด้วยความตั้งใจและเต็มใจ ทั้งหมดมันคือคุณค่า ที่ส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการสปา และมันก็มากกว่าความสวยความงามแน่นอน

นี่คือบทสัมภาษณ์ที่กูรูทั้งสองถ่ายทอดให้เราฟัง จะเห็นว่ามุมมองเกี่ยวกับ “สปา” เปลี่ยนไปจากเดิมเลยใช่มั้ย คราวหน้าเมื่อเข้าสปา ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม “สปา” เสน่ห์และคุณค่าที่มากกว่าความสวยความงาม

ดูเนื้อหาต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/women/beauty/health/1884848
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/women/beauty/health/1884848