“ข้าวไรซ์เบอร์รี่” หรือ Riceberry สุดยอดอาหารหรือซุปเปอร์ฟู้ดที่คนทั่วโลกยอมรับ Lady MIRROR เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าทำไมเจ้าข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” ถึงเป็นที่นิยมมากมาย แน่นอนว่าข้าวชนิดนี้จะต้องดีต่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางอาหารสูง จากไอเทมของคนรักสุขภาพ จึงทำให้ทุกคนหันมารับประทานไรซ์เบอร์รี่แทนข้าวชนิดอื่นๆ มาค่ะวันนี้ เรามาทำความรู้จัก “ไรซ์เบอร์รี่” พร้อมๆ กัน

ข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” หรือ Riceberry เป็นข้าวเจ้า ที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Oryza sativa โดยลักษณะของเมล็ดข้าวกล้องมีสีม่วงเข้ม ไม่ไวแสง เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่โดยการผสมข้ามพันธุ์ ทั้งนี้เจ้าสีม่วงเข้มนี่แหละ ที่มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของคุณผู้หญิง

คุณสาวๆ รู้หรือไม่ คุณค่าทางโภชนาการของข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” ในปริมาณ 100 กรัม หรือ 3.5 ออนซ์ ให้พลังงานทั้งสิ้น 390.00 กิโลแคลอรี และมีสารอาหารอย่าง คาร์โบไฮเดรต 80 กรัม ใยอาหาร 4 กรัม โปรตีน 8 กรัม แต่ไม่มีน้ำตาลเลย ขณะเดียวกันในข้าวไรซ์เบอร์รี่ 100 กรัม จะมีเพียงไขมัน 4 กรัม ที่ไม่มีไขมันอิ่มตัวด้วย นอกจากนี้ยังข้าวไรซ์เบอร์รี่ 100 กรัม ยังมีวิตามินหลากหลายที่ได้แก่ วิตามินเอ หรือบีตาแคโรทีน 63 ไมโครกรัม วิตามินบี 9 หรือโฟเลต 48 ไมโครกรัม วิตามินอี 0.68 มิลลิกรัม รวมถึงยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่าง เหล็ก 1.8 มิลลิกรัม โซเดียม 50 มิลลิกรัม และสังกะสี 3.2 มิลลิกรัม

ใน “ไรซ์เบอร์รี่” จะมี “แอนโทไซยานิน” หรือ Anthocyanin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (จำคำนี้ไว้ให้ดีๆ นะคะสาวๆ เดี๋ยวจะไปอธิบายเพิ่มเติม) โดยงานวิจัยล่าสุดพบว่า ในรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีสารออกฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง คือ ลูพิออล หรือ Lupeol และสารอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการสกัด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีรายงานการค้นพบลูพิออลในข้าวด้วย

“แอนโทไซยานิน” หรือ Anthocyanin เป็นรงควัตถุที่พบในพืชทั้งในดอกและในผลของพืช ให้สีแดง น้ำเงิน หรือม่วง เป็นสารที่ละลายในน้ำได้ดี มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ยับยั้งการเกิดออกซิเดชันของลิโปโปรตีน และการตกตะกอนของเกล็ดเลือด ทำให้แอนโทไซยานินมีบทบาทในการป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคระบบหัวใจหลอดเลือด มะเร็ง และเบาหวาน ที่สำคัญสำหรับสาวๆ คือ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหมองคล้ำ ป้องกันแดด โดยมีการวิจัยระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีสูงกว่าในผลไม้ทั่วไปและชาเขียวเกือบ 100 เท่า

สารออกฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งใน “ไรซ์เบอร์รี่” คือ “ลูพิออล” หรือ Lupeol โดยจากการทดสอบคุณสมบัติของสารสกัดจากรำข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” ในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง 3 ชนิด คือเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ เซลล์มะเร็งเต้านม และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว พบว่า สารสกัดทั้งชนิดไม่สกัดน้ำมันออก และชนิดที่สกัดน้ำมันออกไปบ้าง ให้ผลยับยั้งเซลล์มะเร็งทั้ง 3 ชนิดได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสารสกัดจาก DCM fraction ให้ผลที่ดีกว่าสารสกัดจาก MeOH fraction และเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือดขาว มีความไวต่อการถูกชักนำให้เกิดการตาย ภายหลังการได้รับสารสกัดได้เร็วที่สุด ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า รำข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นแหล่งของสารออกฤทธิ์ต้านมะเร็ง

ในข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” มีสารแกมมาโอไรซานอล ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและลดคอเลสเตอรอล เนื่องจากนิยมทานข้าวไรซ์เบอร์รี่แบบเป็นข้าวกล้อง (กะเทาะเปลือกออกโดยไม่ขัดสี) นั่นแปลว่า เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายจะย่อยเป็นน้ำตาลได้ช้า จึงทำให้อิ่มนาน ไม่หิวเร็ว ลดการกินจุบจิบได้ด้วย

ข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” 100 กรัม จะมีใยอาหารมากถึง 4 กรัม โดยใยอาหารที่สูงนั้นมาจากเปลือกหุ้มเมล็ดข้าวนั่นเอง ตรงนี้แหละที่ทำให้เมื่อเรารับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่เข้าไปแล้ว จะรู้สึกว่าอิ่มนานขึ้น ที่มีผลดีต่อระบบขับถ่ายของสาวๆ ด้วย สำหรับใครที่ท้องผูกเป็นประจำ ลองหันมารับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่ ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไม่มีของเสียหรืออุจจาระตกค้างในลำไส้ จนทำให้สาวๆ หน้าท้องแบนราบแน่นอน นอกจากนี้ไรซ์เบอร์รี่ยังช่วยดีท็อกซ์ของเสีย เคลียร์สารพิษออกจากร่างกาย เพราะไฟเบอร์ที่อยู่ในข้าว จะกลายเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ซึ่งพอแบคทีเรียเหล่านี้แข็งแรงก็จะช่วยให้การทำงานในระบบลำไส้ดีขึ้นด้วย

สำหรับสาวๆ ข้าว “ไรซ์เบอร์รี่” ถือว่ามีประโยชน์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นธาตุสังกะสี ที่ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีน สร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยในการรักษาสิว ป้องกันผมร่วง และกระตุ้นรากผม มีผลที่ทำให้ผมสวยเงางาม และ “วิตามินอี” ในไรซ์เบอร์รี่ จะช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ และลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ ทำให้ปอดทำงานดีขึ้นด้วย

สาวๆ รู้แบบนี้แล้ว ต้องรีบจัดหา “ไรซ์เบอร์รี่” สุดยอดอาหารเพื่อ “สุขภาพ” สำหรับคุณผู้หญิงมารับประทานทันที เพราะสุขภาพดีๆ เริ่มต้นที่อาหารการกินนะคะ

อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “สุขภาพ” ได้ ที่นี่